Saturday, November 28, 2015

พระนางจามเทวี




ภาพจาก http://www.nmt.ot.th

ยา เทวี จามะเทวีนามิกา อะภิรูปา อะโหสิ ทัสสะนียา ปาสาทิกา พุทธสาสะเน จะ อะภิปะสันนา, สา อะตีเต เมตตายะ เจวะ ธัมเมนะ จะ หะริภุญชะยะธานิยา รัชชัง กาเรสิ, หะริภุญชะยะนะคะระ วาสีนังปิ มะหันตัง หิตะสุขัง อุปปาเทสิ, อะหัง ปะสันเนนะ เจตะสาตัง วันทามิ สิระสา สัพพะทาฯ 

พระเทวีองค์ใด พระนามว่า จามเทวี มีพระรูปเลอโฉม ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ในอดีตกาล พระนางได้ปกครองหริภุญไชยด้วยพระเมตตาและเป็นธรรม อำนวยประโยชน์สุขแก่ชาวหริภุญไชยอย่างยิ่ง ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใสศรัทธา ขอน้อมเกล้าสักการพระเทวีองค์นั้นฯ


คาถาบูชาพระนางจามเทวี โดย พระเมธีปริยัติยาภรณ์ (บุญชุม  อคฺคธมฺโม)


พระนางจามเทวี ทรงเป็นกษัตริย์ไทยพระองค์แรกๆ ที่ปรากฏพระนามในประวัติศาสตร์ 

ยุคสมัยที่พระนางทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น คาดกันว่าจะเก่าไปถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๔ เป็นอย่างน้อย

ช่วงเวลาดังกล่าว เป็นยุคสมัยอันเลือนลางของอารยธรรมทวารวดีตอนต้นในสุวรรณภูมิ ซึ่งแทบจะไม่มีหลักฐานใดๆ ตกทอดมาถึงเรามากพอแม้เพียงจะลองนึกภาพ

พระนางทรงเป็นปฐมกษัตริย์ของนครหริภุญไชย ซึ่งยังคงเป็นรัฐที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของสยามประเทศมาจนถึงเวลานี้

แน่นอนที่ว่า เรื่องของพระนางจามเทวีถูกบรรจุไว้ในหน้าประวัติศาสตร์จริงๆ เพียงไม่กี่บรรทัด  ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก 

เหตุผลประการหนึ่งอาจเป็นเพราะ---คนจำนวนมากยังถูกครอบไว้ด้วยความเชื่อล้าสมัยที่ว่า "สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย"

จนไม่สามารถเข้าใจได้ว่า เราควรจะนับสิ่งใดเป็นประวัติศาสตร์ไทย ระหว่างเรื่องราวอันแสนจะเลือนลางของชนชาติเล็กๆ ชนชาติหนึ่งที่อพยพมาจากตอนใต้ของจีน และเพิ่งจะก่อร่างสร้างตัวเป็นบ้านเป็นเมืองขึ้นมาได้เมื่อ ๗๐๐ ปีมานี้เอง 

กับภาพที่ชัดเจนอย่างยิ่ง ของรัฐโบราณจำนวนมากที่มีอายุนับพันปี ที่เกิดขึ้นมาแล้วในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบัน           

อีกประการหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ไทยของเรานั้น มีเรื่องของเจ้านายสตรีปรากฏอยู่น้อยมาก

ยิ่งเรื่องของเจ้านายสตรีที่เป็นทั้งเรื่องเล่าอันแพรวพรายไปด้วยสีสัน และเป็นปรัมปราคติอันศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยในขณะเดียวกันนั้น ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่  

แต่ในท่ามกลางปริมาณอันน้อยนิดของเรื่องราวเหล่านี้ เรื่องของพระนางจามเทวีก็โดดเด่นมาก

เพราะจากตำนานต่างๆ จอมกษัตริย์พระองค์นี้ทรงเป็นสตรีในอุดมคติ ทรงมีพระสิริโฉมงดงาม  จนกษัตริย์จากประเทศที่อยู่ไกลออกไปต้องเอาชีวิตมาทิ้งเพราะหวังจะได้ครอบครอง 

แต่ในขณะเดียวกัน พระนางก็ทรงมีความเด็ดขาดจนถึงกับทรงเป็นผู้นำกองทัพออกรบด้วยพระองค์เอง ทรงเอาชนะศัตรูที่แกร่งกร้าวได้ครั้งแล้วครั้งเล่า 

และเบื้องหลังตำนานต่างๆ เหล่านั้น หากเราจะมองให้ลึกเข้าไป เราอาจประจักษ์ได้ถึงพระปรีชาสามารถอันแท้จริงที่ซ่อนอยู่...

ตลอดระยะแห่งพระชนม์ชีพ พระนางต้องทรงเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ล้วนแต่ยากลำบากและอันตราย พระนางทรงแสดงให้เห็นพระปรีชาญาณอันสุขุมลึกซึ้ง และทรงปฏิบัติต่อทุกปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่ทรงพบกับความผิดพลาด ทั้งที่แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องใหญ่โต และมีผลอย่างมากมายต่ออนาคตของพระนางทั้งนั้น           

เมื่อพระนางยังเป็นเจ้าหญิง ทรงถูกวางพระองค์เพื่อก้าวขึ้นสู่อิทธิพลเหนือราชบัลลังก์กรุงละโว้  พระนางทรงดำเนินตามกลวิธีที่ได้ถูกกำหนดอย่างมั่นคงและแน่นอน

จนเมื่อสถานการณ์พลิกผัน กลุ่มอำนาจที่สนับสนุนพระนางกลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทางการเมือง พระนางถูกส่งไปไกลถึงภาคเหนือเพื่อสร้างเมืองใหม่โดยทุกอย่างเกือบจะเริ่มจากศูนย์ 

ต้องทรงกระทำทุกอย่าง เพื่อเปลี่ยนแปลงผืนแผ่นดินล้าหลังไปสู่พุทธนครอันรุ่งโรจน์ ซึ่งในที่สุดก็จะกลายเป็นแสงแรกแห่งอารยธรรมในภาคเหนือ

พระนางต้องเผชิญหน้ากับชนเผ่าพื้นเมืองที่มีกำลังอำนาจมากกว่าหลายเท่า และเมื่อนครรัฐของพระนางเริ่มเป็นปึกแผ่น ก็ต้องทรงพบกับการแข่งขันทางการเมืองระหว่างพระโอรสทั้งสอง ซึ่งการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างผิดพลาด ย่อมนำไปสู่การแตกสลายของแคว้นหริภุญไชยอย่างแท้จริง 

แต่พระนางก็ทรงคลี่คลายทุกอุปสรรคได้อย่างหมดจด ทรงเป็นผู้รังสรรค์ความเจริญให้บังเกิดในล้านนาได้อย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดทำมาก่อน และทรงเป็นต้นวงศ์กษัตริย์หริภุญไชย ที่ครองราชย์ต่อเนื่องกันมากว่า ๖๐๐ ปี...
         
พระนางไม่เพียงทรงเป็นผู้นำที่รอบคอบ แตกฉานในกลยุทธทางการเมือง และทรงเห็นการณ์ไกลเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยทศพิธราชธรรม

พระปรีชาสามารถทั้งหลายของพระนางได้จากประสบการณ์ การเรียนรู้ และวิจารณญาณส่วนพระองค์อันประณีต มิใช่ได้มาโดยความช่วยเหลือของเทพยดาฟ้าดิน หรือศาสตราวุธอันวิเศษ

ยิ่งไปกว่านั้นพระนางยังทรงพบกับความสำเร็จในการศาสนา แม้ว่าโดยส่วนพระองค์จะยังไม่มีหลักฐานปรากฏว่าได้ถึงวิมุติสุขในทางธรรมหรืออาจไปถึงพระนิพพาน แต่พระนางก็ทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการประดิษฐานทั้งพระพุทธศาสนา และความเป็น ธรรมราชาในภาคเหนือ

ทั้งสองสิ่งนี้ ได้กลายเป็นหัวใจหลักของอารยธรรมล้านนา จนอาจพูดได้ว่า พระนางจามเทวีไม่เพียงแต่ควรจะได้รับการยอมรับว่า ทรงเป็นผู้วางรากฐานศาสนาพุทธในดินแดนแถบนี้เป็นครั้งแรกเท่านั้น หากแต่ความรุ่งเรืองแทบทุกอย่างที่ปรากฏ ณ ดินแดนแถบนี้มาจนถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นสิ่งที่พระนางทรงริเริ่มไว้ทั้งสิ้น    

เราอาจจะนึกว่า ตำนานอันแพรวพรายไปด้วยสีสันและความศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ควรเป็นเพียงเรื่องของสตรีในเทพนิยาย หรือสตรีในอุดมคติสักคนมากกว่าจะมีตัวตนอยู่จริงในโลก 
แต่ถ้าจะพิจารณากันแล้ว นี่ไม่เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นสำหรับผู้คนในยุคบรรพกาลของเรา--ผู้ซึ่งได้สร้างสรรค์สิ่งที่เหลือเชื่อทิ้งไว้อย่างมากมาย 

พระนางจามเทวีแม้จะทรงเป็นสตรีที่บริบูรณ์ด้วยคุณสมบัตินานาประการ แต่ก็ทรงมีตัวตนอยู่จริง  และทรงแสดงให้เห็นว่า การเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบทั้งในทางโลกและทางธรรมนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์อาจปฏิบัติให้ถึงได้ แม้จะต้องอาศัยความเป็นอัจฉริยะส่วนบุคคลที่เหนือจากคนอื่นๆ อยู่บ้างก็ตาม  

แต่ถ้าเราพอใจที่จะนึกอยู่เพียงว่า ประพฤติเหตุเช่นนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเหลือที่จะปฏิบัติได้เสียตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องราวอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางจามเทวีก็คงจะไม่มีคุณค่าอันใดต่อเรา  มากไปกว่าสิ่งสักการะที่เราทิ้งตากฝุ่นไว้บนหิ้งเลย                    

และเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับเรามีแต่ความศรัทธา ที่จะมอบให้ประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเรา  แต่ไม่อาจเรียนรู้อะไรได้ 

การมีแต่ความศรัทธา โดยไม่อาจเก็บเกี่ยวสิ่งใดได้จากประวัติศาสตร์นั้น มีผลทำให้สังคมและบ้านเมืองของเรา ไม่อาจหนีพ้นไปจากวังวนแห่งความเสื่อมโทรมดังที่เห็นกันอยู่

พระรูป บนพระราชานุสาวรีย์ที่สวนสาธารณะหนองดอก จ.ลำพูนในปัจจุบัน พระหัตถ์หนึ่งทรงพระขรรค์ อีกพระหัตถ์หนึ่งเชื้อเชิญ คงมิได้หมายถึงทรงเชื้อเชิญให้เราเข้าไปเยือนนครหริภุญไชยอันรุ่งเรืองในกาลก่อนของพระนางเท่านั้น 

แต่ยังได้ทรงเชื้อเชิญให้เข้าสู่โลกของพระนาง--โลกแห่งความเป็นจริงที่เมื่อเข้าไปสัมผัสแล้ว  เราคงต้องมองย้อนกลับมายังยุคสมัยของเราด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิมเป็นแน่   

           

6 comments:

  1. ศรัทธาในองค์พระแม่เจ้าจามเทวีค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ท่านศักดิ์สิทธิ์มากครับ โปรดบุคคลไม่เลือกชั้นวรรณะ

      Delete
  2. ติดตามบล็อกนี้ด้วยคนค่ะ ^ ^

    ReplyDelete
  3. สนใจหนังสือ ของ อจ ยังพอมีมั้ยค่ะ จอมนางหริปุณไชย

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขออภัยที่ตอบช้าครับ ลองเอาชื่อหนังสือไปสอบถามที่แคชเชียร์ร้านซีเ็ดใกล้บ้าน ถ้ามีเขาจะให้สั่งซื้อ และนัดไปรับภายในสองสามวันครับ

      Delete

Total Pageviews