Sunday, November 29, 2015

เบื้องหลัง จอมนางหริภุญไชย






เมื่อเกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว ผมได้ไปยืนอยู่เบื้องหน้าพระราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวีที่ จ.ลำพูน และจู่ๆ ก็เกิดความตั้งใจขึ้นมาว่าจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านสักเล่ม

นั่นเป็นที่มาของหนังสือ จอมนางหริภุญไชย ซึ่งนับจนถึงปัจจุบันนี้ได้รับการจัดพิมพ์ ๕ ครั้ง 

ในการเรียบเรียงเนื้อหาของหนังสือดังกล่าว ผมได้อาศัยการสืบค้นและเลือกใช้ข้อมูลจากหลักฐานต่างๆ โดยประสงค์จะให้เป็นหนังสือที่อ่านกันได้ทั่วไป จนแม้ผู้ที่สนใจเรื่องเก่าๆ แต่ไม่มีความรู้ในด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีมากนักก็อ่านได้ครับ 

ดังผู้รู้จะพึงสังเกตว่า หลายเรื่องหลายประเด็นที่ผู้สนใจด้านโบราณคดีจริงๆ โดยทั่วไปทราบกันดีอยู่แล้ว ผมก็ยังสอดแทรกเข้าไป ทั้งนี้ก็เพราะเจตนาดังกล่าว 
        
ดังนั้น ผมจึงลำดับเรื่องไปตามข้อมูลที่เห็นว่าเหมาะสม โดยไม่เคร่งครัดว่าที่มาของข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นเอกสารประเภทใด วงวิชาการยอมรับกันหรือไม่ 

เพราะผมได้เห็นมาหลายครั้งแล้วละครับ ว่าเอกสารที่ยอมรับกันในทางวิชาการนั้น บางทีก็ผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงอย่างมากมาย

ในขณะที่เอกสารซึ่งนักวิชาการมิได้เชื่อถือ บางทีก็กลับบรรจุข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริงมากกว่า   
  
และเพราะเหตุนั้น ผมจึงหยิบเอาตำนานพื้นเมือง ทั้งที่เป็นมุขปาฐะ คือเรื่องที่เล่ากันมาแต่ก่อน และตำนานที่เรียบเรียงโดยบุคคลซึ่งนักวิชาการบางท่านประทับตราว่าเป็นหมอไสยศาสตร์คนทรง

มาร้อยเรียงต่อเนื่องกับคัมภีร์โบราณ ที่วงวิชาการทั่วไปให้ความนับถือว่าเป็นเอกสารชั้นเก่า สมควรที่จะใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้  

ผลคือ เมื่อหนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรก ผู้อ่านบางท่านจึงเกิดความสับสนขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่รีบร้อนอ่านจนลืมเจตนารมย์ของผมไป 

ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ประจักษ์ว่า การคิดจะทำหนังสือให้อ่านกันได้ทั่วไปนั้น ถ้าเป็นผู้อ่านที่มิได้อยู่ในกลุ่มที่ผมตั้งใจไว้แล้ว ก็อาจยังผลในทางที่ไม่พึงประสงค์ได้ แม้ว่าหนังสือดังกล่าวจะได้รับการต้อนรับที่ดีพอสมควรก็ตาม

ในการพิมพ์ครั้งต่อๆ มา ผมจึงตกลงใจปรับปรุงเนื้อหาทั้งหมดให้ละเอียดขึ้น แบ่งแยกไว้ชัดเจนขึ้นว่าผมมีหลักอย่างไร ที่จะเลือกหยิบข้อมูลจากเอกสารใดมาร่วมในการลำดับเรื่อง ทั้งในภาคตำนานและภาคสันนิษฐาน 

ซึ่งสิ่งที่ได้รับก็คือ แม้แต่ในภาคสันนิษฐานนั้นก็พลอยทำให้เกิดแนวความคิดที่แตกแขนงมากขึ้นไปอีก ด้วยมีแง่มุมและข้อมูลใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุน จนแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่มิใช่สาระสำคัญของหนังสือก็ยังสามารถเพิ่มเติมได้อย่างเพียงพอ และยังอาจขจัดความสับสนอันเกิดจากการเร่งรีบอ่านเกินไปอีกด้วยครับ 
         



ในการเขียนหนังสือ จอมนางหริภุญไชย นับจนถึงการพิมพ์ครั้งล่าสุด คือครั้งที่ ๕ ผมจึงได้แบ่งแยกเนื้อหาหลักออกเป็น ๒ ส่วนด้วยกัน คือ

ส่วนที่ ๑. เป็นการเรียบเรียงเนื้อเรื่องเกี่ยวแก่พระนางจามเทวี โดยอาศัยเค้าโครงเรื่องข้อมูลหลักๆ จากตำนานพื้นเมือง ร่วมกับคำแปลตำนานจามเทวีวงศ์ของกรมศิลปากร ตำนานมูลศาสนา และชินกาลมาลีปกรณ์ เป็นต้น 

โดยพยายามเรียบเรียงให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย และดำเนินเรื่องติดต่อกันไปตั้งแต่ต้นจนจบรัชสมัยพระนางจามเทวีเท่านั้น เรื่องของกษัตริย์พระองค์อื่นที่ครองราชย์ต่อมา จะเว้นไม่กล่าวถึง 
  
ส่วนที่ ๒. เป็นการตั้งข้อสมมุติฐาน หรือจะพูดให้ตรงกว่าก็คือ การคาดคะเนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของขัตติยนารีพระองค์นี้ ว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางใดบ้าง 

การตั้งข้อสมมุติฐานนี้ เป็นไปท่ามกลางความจำกัดของหลักฐานซึ่งมีเพียงหยิบมือ โดยเฉพาะหลักฐานที่เป็นโบราณวัตถุสถานในจังหวัดลำพูนเอง ซึ่งได้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นจำนวนมากในอดีต จนอาจพูดได้อย่างเต็มปากว่า ทั้งจังหวัดลำพูนจะหาหลักฐานใดที่ยุติได้ว่าเก่าแก่ทันรัชสมัยพระนางจามเทวีในตำนานไม่ได้ 

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมไม่ถือเอาความมีอยู่น้อยของหลักฐาน เป็นข้อจำกัดการคาดคะเนถึงความเป็นไปได้หรอกครับ 

เพราะแม้การพูดเท่าที่มีหลักฐานสนับสนุน ย่อมเป็นสิ่งที่มักทำกันในทางวิชาการ แต่การที่วิชาโบราณคดีไทยเจริญขึ้นมาในอดีต ก็เพราะท่านผู้ศึกษาโบราณคดีแต่ก่อนมิได้ยอมจำนน หรือจำกัดความคิดเห็นของท่านเอง กับหลักฐานที่ค้นพบเพียงน้อยชิ้นในสมัยของท่านเหมือนกันครับ

เราจึงได้เห็นผลงานที่ท่านเหล่านั้นฝากไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแม้ว่าในที่สุดก็จะกลายเป็นงานที่ล้าสมัยไปทั้งหมดเมื่อมีการค้นพบหลักฐานใหม่ๆ แต่ผมว่าก็ยังดีกว่าไม่มีใครริเริ่มอะไรเลย 

ทั้งนี้เราจะต้องระลึกว่า ไม่มีศาสตร์แขนงใดที่จะเป็นของทันสมัยใช้ได้อยู่ตลอด จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในรายละเอียดอยู่เสมอครับ

ตั้งแต่การพิมพ์ครั้งแรก จนถึงครั้งล่าสุดนี้ ผมได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงใจจากผู้มีอุปการะคุณจำนวนมาก ทั้งในและนอกจังหวัดลำพูน ที่ต้องมาตกระกำลำบากกับผมมากที่สุดคือ อ.อรชร  เอกภาพสากล นักเขียนสารคดีเกี่ยวกับศิลปะพื้นบ้าน ที่ช่วยคิดช่วยลำดับเรื่องช่วยหาประเด็นความเป็นไปได้ต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ จึงเป็นบุคคลที่สมควรได้รับความขอบคุณเป็นพิเศษ   

อย่างไรก็ตาม ในการปะติดปะต่อเรื่องจากหลักฐานที่มีน้อยและไม่ลงรอยกันเท่าที่มีอยู่ ผมก็ได้ใช้ความระมัดระวังเท่าที่สติปัญญาจะพึงมีนะครับ ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ไม่น้อย 

และเมื่อเป็นเพียงการคาดคะเนจึงไม่ใช่ข้อยุติ เป็นได้เพียงมุมมองหนึ่งเท่านั้น
 
หลักฐานเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน ผู้อื่นมาสนใจศึกษาก็อาจมองมุมอื่นได้อีก การมองให้ได้แง่มุมและทรรศนะที่หลากหลายที่สุดย่อมนำมาซึ่งผลดีที่สุด 

ดังนั้น สิ่งที่ปรากฏในหนังสือของผม จึงมิใช่การลงมือกระทำเรื่องของพระนางจามเทวีให้สมบูรณ์อย่างแท้จริง เป็นเพียงการเสนอความเป็นไปได้ทางหนึ่ง จากหลายๆ ทางเท่านั้น

ผมจึงหวังว่า จะมีผู้ค้นคว้าต่อไปในภายภาคหน้า ให้ได้สมมุติฐานที่สมบูรณ์และใกล้เคียงความจริงกว่าที่ผมได้กระทำไว้

ซึ่งก็จะต้องขอฝากไว้ในมือของผู้รู้ทางประวัติศาสตร์-โบราณคดี ตลอดจนถึงปราชญ์ชาวบ้านที่จะมาช่วยกันขบคิด

และเมื่อถึงเวลานั้น หนังสือของผมจะล้าสมัยหรือถูกมองว่าคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมาก ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ

เพราะเมื่อนึกย้อนไปถึงความตั้งใจเมื่อหลายปีก่อน ผมก็ได้ทำตามความตั้งใจนั้นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

หนังสือเล่มนี้ ทำให้หลายๆ ท่านได้ไปช่วยกันขบคิด ต่อยอด ดังที่มีการจัดเสวนาเรื่องพระนางจามเทวีในลำพูนหลายครั้ง ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผมได้เห็นความงอกงามทางวิชาการที่เกี่ยวข้องจากกิจกรรมดังกล่าว

แค่นี้ก็ดีเหลือเกินแล้วครับ 

8 comments:

  1. เป็นหนังสือที่ดีมากๆ ค่ะ แม้จะต้องใช้เวลาในการอ่าน และทำความเข้าใจอย่างมาก แต่ก็ทำให้ได้รู้มากกว่าที่เคยรู้มา รู้ว่าวิธีคิด วิธีตีความจากตำนานที่หลากหลายมากๆ แต่มีหลักฐานเพียงน้อยนิด เค้าทำกันยังไง ^ ^

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณครับ บางคนที่เขาเอาหนังสือเล่มนี้ไปพูดถึงในบล็อกในฐานะที่เขาเป็นนักอ่าน เขายังทำความเข้าใจไม่ได้เหมือนคุณเลยนะ

      Delete
  2. เปียว่าคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเข้าใจ ต้องไม่ใช่คนโง่คะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. คุณเปียพูดถูกครับ

      Delete
  3. เคารพศรัทธาในพระนางจามเทวีมานาน ต้องไปหาซื้อมาอ่านซะแล้วค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตอนนี้หาซื้อยากนะครับ แต่ที่ร้านค้าข้างพระราชานุสาวรีย์ที่ลำพูนยังมีขายอยู่ ถ้าได้ไปไหว้ก็ลองไปถามดูนะครับ

      Delete
  4. เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของพระนางจามเทวีได้ละเอียดที่สุดนะคะ ทั้งตำนาน เรื่องเล่า ทั้งการตีความ เรื่องของท่านมีปริศนาอยู่มากมาย อ่านในแง่ตำนานก็สนุก อ่านในแง่วิชาการก็น่าค้นหา

    ReplyDelete
  5. ขอบคุณครับ กว่าจะเรียบเรียงได้จบเล่มก็หืดขึ้นคอ แก้แล้วแก้อีก หลักฐานใหม่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ คนใกล้ตัวก็พลอยต้องมาเหนื่อยไปด้วยกับการตีความ และการลำดับเรื่องราวตามหลักฐานที่มีอยู่ครับ

    ReplyDelete

Total Pageviews