Tuesday, December 8, 2015

ภาพพระนางจามเทวี จากการเข้าฌาน





พระสาทิสลักษณ์พระนางจามเทวี ที่ได้รับการสักการะบูชากันมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นพระรูปที่มิได้เกิดจากการศึกษาค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ แต่มาจากการเข้าฌานของ คุณศรีเพ็ญ จัตุทะศรี
        
คุณศรีเพ็ญผู้นี้ เป็นศิษย์ของ อ.พร รัตนสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติสมาธิของเมืองไทย  และด้วยการปฏิบัติสมาธิ ท่านผู้นี้ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ากษัตริย์ และเจ้านายไทยสมัยโบราณหลายพระองค์ รวมทั้งพระนางจามเทวีด้วย

จากนั้นจึงได้ถ่ายทอดให้ รศ.ลาวัณย์ อุปอินทร์ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น เป็นผู้วาดออกมาเป็นพระสาทิสลักษณ์
  
พระสาทิสลักษณ์ชุดนี้ มีหลายภาพที่มีชื่อเสียงและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก เช่นพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น
       
ในการถ่ายทอดพระสาทิสลักษณ์ ตามแบบอย่างที่ได้จากสมาธิของคุณศรีเพ็ญนั้น มีขั้นตอนที่ยากลำบาก เพราะผู้วาดมิได้เป็นผู้เห็นภาพด้วยตนเอง จึงต้องมีการเข้าสมาธิสอบถามดวงพระวิญญาณแต่ละพระองค์หลายครั้งเพื่อให้ได้พระสาทิสลักษณ์ที่ใกล้เคียงที่สุด

ซึ่งฉลองพระองค์ที่ปรากฏออกมา ปรากฏว่าเป็นแบบที่คนส่วนมากไม่นึกว่าจะมีในสมัยนั้น และยังไม่มีนักวิชาการผู้ใดให้การรับรองจนกระทั่งปัจจุบัน เช่น ฉลองพระองค์ชุดคล้ายพราหมณ์ของพ่อขุนรามคำแหง

แต่ฉลองพระองค์ชุดเกราะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กลับมีบางอย่างคล้ายกันกับชุดเกราะในภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ออกแบบจากการสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญ ในข้อที่ว่า ได้มีการรับรูปแบบของเสื้อเกราะของชาวยุโรปที่เข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยาขณะนั้นมาใช้

สำหรับพระสาทิสลักษณ์กษัตริย์พระองค์อื่น นอกจากพ่อขุนรามคำแหง ได้เริ่มเขียนตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๑๔ เป็นต้นมา 
    
ผมจะไม่รับรองนะครับว่า คุณศรีเพ็ญเข้าสมาธิติดต่อดวงพระวิญญาณสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าในอดีตได้จริงหรือไม่

เพราะเรื่องเช่นนี้เป็นของละเอียด รู้ได้สัมผัสได้เฉพาะบุคคลหนึ่งเป็นคนๆ ไป ไม่ใช่ของหยาบที่จะนำมาพิสูจน์ให้เห็นเป็นการสาธารณะโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้

และด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นไปไม่ได้เช่นกันครับ ที่เราจะพิจารณาเรื่องนี้ด้วยทรรศนะที่เป็นวิทยาศาสตร์ 

เพราะเมื่อเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ วิทยาศาสตร์ก็จึงยังไม่มีความรู้ในเรื่องเช่นนี้อย่างเพียงพอ ที่จะนำมาชี้ผิดชี้ถูกนั่นเอง    
        
แต่ในเมื่อเรื่องเช่นนี้ เป็นเรื่องที่คนจำนวนมากยังคงพิศวง และยังไม่มีผู้ใดให้แง่คิด หรือเสนอแนวทางพิจารณาที่เหมาะสมไว้มาก่อน 

อีกทั้งเราก็ยังพอจะมีทางเลือกอื่นอีก โดยไม่จำเป็นต้องยอมจำนน เพราะความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่จำกัดของเรา ดังกล่าวแล้ว 

เราก็ควรจะทดลองพิจารณาเรื่องนี้ ด้วยความรู้ในศาสตร์อื่นบ้างนะครับ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยความรู้ในวิทยาการแขนงเดียวกับที่คุณศรีเพ็ญใช้ จนทำให้ได้พระสาทิสลักษณ์พระนางจามเทวีภาพนี้     
           
ดังนั้น สำหรับผู้ใดก็ตามที่มีทัศนคติว่า วิทยาศาสตร์เท่านั้นที่เป็นเหตุผล และข้อพิสูจน์ที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก และไม่สามารถยอมรับความรู้ในศาสตร์แขนงอื่น ที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

ขอให้ข้ามการพิจารณาส่วนนี้ไปนะครับ  
         
สำหรับผมมีความเห็นว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คงมีความผิดพลาดบางประการเกิดขึ้น เช่น   
      
๑. ผู้เข้าสมาธิติดต่อดวงพระวิญญาณ อาจไม่ชำนาญพอที่จะถ่ายทอดรายละเอียด ของฉลองพระองค์ที่ถูกต้องออกมาได้ 

เป็นต้นว่า ไม่มีความรู้ในด้านเครื่องแต่งกายสมัยโบราณ ทำให้ถ่ายทอดลักษณะของเสื้อผ้า และเครื่องประดับ คลาดเคลื่อนจากสิ่งที่ตนเห็น

๒. ผู้เข้าสมาธิ เพียงแต่ได้รับการติดต่อทางจิตจากดวงพระวิญญาณ แล้วจิตจึงสร้างภาพของแต่ละพระองค์ขึ้นตามประสบการณ์ และการปรุงแต่งของผู้เข้าสมาธิ ซึ่งไม่รู้ธรรมเนียมการแต่งกายสมัยโบราณ

ไม่ใช่ดวงพระวิญญาณใช้พลังอำนาจที่ตนมีอยู่ สร้างภาพขึ้นโดยตรงต่อจิตของผู้เข้าสมาธิ 
   
๓. ผู้เข้าสมาธิได้รับภาพโดยตรงจากดวงพระวิญญาณ แต่ดวงพระวิญญาณนั้นเอง เป็นผู้เปลี่ยนแปลงรูปปรากฏของตน ด้วยเหตุผลบางอย่าง

เช่น อาจเห็นว่าฉลองพระองค์เดิมไม่สวยงาม ไม่เหมาะสมที่จะให้ผู้บันทึกภาพจำลองแบบไปเพื่อการสักการบูชา จึงเปลี่ยนแปลงให้ดูเหมาะกับยุคปัจจุบัน ยิ่งกว่าที่ทรงแต่งจริง 

โดยเฉพาะเจ้านายสตรี ซึ่งได้เข้ามาร่วมการจำลองภาพครั้งนี้ ต่างทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ในยุคสมัยที่ผู้หญิงยังไม่สวมเสื้อปิดบังร่างกายท่อนบนทั้งสิ้น 
 
๔. ผู้เข้าสมาธิและผู้บันทึกภาพ ถูกดวงวิญญาณอื่นแอบอ้าง หรือหลอกว่าเป็นกษัตริย์โบราณ

เพราะทั้งสองท่านย่อมไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า วิญญาณที่มาติดต่อกับตน เป็นพระวิญญาณอดีตกษัตริย์พระองค์นั้นจริงหรือไม่ 

การที่ รศ.ลาวัณย์ให้สัมภาษณ์ว่า วิญญาณเหล่านั้นอธิบายเรื่องเกี่ยวกับตนเองด้วยศัพท์ช่าง ทั้งที่ผู้เข้าสมาธิไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น จะถือว่าเป็นข้อพิสูจน์ไม่ได้หรอกครับ

เพราะในทางวิญญาณศาสตร์แล้ว วิญญาณระดับสามัญทั่วไปก็สามารถทำอย่างนั้นได้เหมือนกัน 

ถ้าวิญญาณนั้นเป็นอดีตกษัตริย์จริง ข้อมูลที่ให้ควรสอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดี ที่มีอยู่มากกว่านี้           
  
ซึ่งก็คงเป็นด้วยเหตุ ๑ ใน ๔ ประการนี้ละครับ ที่ทำให้พระสาทิสลักษณ์ของพระนางจามเทวี ที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ แสดงฉลองพระองค์ที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง 


ภาพเดัดแปลงจากต้นฉบับของ รศ.ลาวัณย์

เป็นต้นว่า เสื้อแบบไทยรัตนโกสินทร์ห่มสไบเฉียง ซึ่งไม่มีในสมัยทวารวดี

สร้อยพระศอคล้องจี้รูปดาวแบบฝรั่ง ในภาพที่ดัดแปลงขึ้นภายหลังจากภาพต้นฉบับ ก็ยากที่จะเปรียบเทียบกับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์สมัยทวารวดี ตามหลักฐานที่เรามีกันอยู่

พระกุณฑลตามแบบที่ปรากฏ ก็ยากจะหาที่มาเช่นกัน  
     
ยิ่งกว่านั้น เราจะเห็นว่าพระกรรณในรูปนี้ มีลักษณะปกติ อย่างใบหูของพวกเรา

ถ้าภาพนี้จำลองขึ้นจากพระองค์จริง พระกรรณของพระนาง ควรมีลักษณะยาว เช่นเดียวกับบรรดาเจ้านายสตรีในราชสำนักเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสมัยทวารวดีตอนต้นนะครับ     

ถ้าเราสร้างพระรูปใดๆ ขึ้นโดยถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราจะสร้างพระรูปนั้น ด้วยแบบอย่างอันเป็นอุดมคติอย่างไรก็ได้ 

และผมมั่นใจว่า พระสาทิสลักษณ์พระนางจามเทวีรูปนี้ เป็นแบบอย่างอุดมคติ มากกว่าจะจำลองจากความเป็นจริงครับ


อย่างไรก็ตาม ในส่วนสำคัญที่ผมมิได้วิเคราะห์ในบทความนี้ คือ พระพักตร์ 

ซึ่งทางคุณศรีเพ็ญ ยืนยันแก่สาธารณชนมาตลอดว่า เป็นการจำลองแบบจากพระพักตร์จริงๆ ของพระนางจามเทวีนั้น

ปรากฏว่า มีข้อมูลอีกกระแสหนึ่ง ที่เผยแพร่ออกมาในภายหลัง ว่าใบหน้าของบุคคลในภาพ มิได้จำลองแบบมาจากพระพักตร์ของพระนางจามเทวี ตามที่คุณศรีเพ็ญได้พบเห็นในสมาธิ แต่มาจากบุคคลจริง ซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

นั่นคือ คุณปิยะนุช นาคคง

โดยคุณปิยะนุช ได้ชี้แจงไว้ใน facebook ของเธอว่า ตอนที่เธออายุได้ ๑๘ ปี ก่อนเข้าวงการ มีแม่ชีอายุ ๙๐ กว่าๆ ที่ จ.เชียงราย ท่านเห็นพระนางจามเทวีในนิมิตของท่าน แล้วบอกกับลูกศิษย์ว่า มีคนหน้าตาเหมือนพระนางมาเกิดแล้ว 

ถ้าอยากเห็นพระองค์ท่านว่าหน้าตาอย่างไร ให้ไปที่โรงเรียนสตรีวิทยา ที่กรุงเทพฯ ไปหาครูศิลปะที่มีลูกชื่อนุช เอารูปลูกเขามา

ซึ่งครูศิลปะท่านนั้น ก็คือ คุณแม่ของคุณปิยะนุช นั่นเองครับ




เมื่อมีผู้ไปหาคุณแม่ของคุณปิยะนุช เวลานั้น บนโต้ะของท่านมีรูปคุณปิยะนุชอยู่รูปเดียว คุณแม่ของคุณปิยะนุชก็แปลกใจมากว่าท่านรู้ได้อย่างไร จึงให้รูปดังกล่าวไป

ภาพต้นแบบพระนางจามเทวี จากปลายพู่กันของ รศ.ลาวัณย์ ที่เข้าใจกันมาตลอดว่า มาจากการเข้าฌานของคุณศรีเพ็ญ จึงมีเบื้องหลังที่แท้จริงเช่นนี้เอง



ผมได้นำภาพจาก facebook ของคุณปิยะนุช มาโพสต์เป็นหลักฐานไว้ ณ ที่นี้ด้วย ก็ขอให้พิจารณากันตามหลักของเหตุและผลนะครับ



………………………



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

6 comments:

  1. ยังเห็นอยู่ที่ลำพูนค่ะภาพนี้ ความนิยมไม่เคยตก

    ReplyDelete
    Replies
    1. คนไทยเชื่อง่าย แต่เปลี่ยนยากครับ

      Delete
  2. เห็นมาเยอะค่ะทางภาคเหนือ โดยไม่คิดเรยว่า พระนางจามเทวีจะหน้าตาแบบนี้ ยิ่งพอไปเทียบกับที่อนุสาวรีย์ของท่านยิ่งขัดกันรุนแรง ส่วนตัวไม่เชื่อว่า ญ สมัยโบราณจะหน้าตาแบบนี้ค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าหากว่าท่านทรงมีเชื้อสายมาจากทางมลายู ตามที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้จริง ยิ่งไม่มีทางที่พระพักตร์ท่านจะเป็นแบบนี้ครับ

      Delete
  3. ไปเห็นที่พระอนุสาวรีย์มาแล้วไม่เชื่อคะว่าพระพักตร์ท่านจะเป็นแบบนี้

    ReplyDelete
    Replies
    1. ผมว่าที่พระราชานุสาวรีย์ดูเป็นไปได้มากกว่าครับ

      Delete

Total Pageviews